โอกาสทองของเยาวชนเกือบ 6 แสนคนที่จะเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนที่จะเสพติดถาวร
ข้อมูลผลการสำรวจสุขภาพประชาชนด้วยการตรวจร่างกายครั้งที่ 7 พ.ศ.2567-68 โดยรศ.พญ เริงฤดี ปธานวนิช คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
พบว่า มีเด็กอายุ 10-19 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า 420,000 คน
ในจำนวนนี้มี 32.5% ที่สูบเป็นประจำทุกวัน ซึ่งเท่ากับ 136,500 คน
และที่เหลืออีก 283,500 คนที่สูบไม่ทุกวัน
ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 500,000 คน สูบเป็นประจำ 39.2% ซึ่งเท่ากับ 196,000 คน และที่เหลือ 304,000 คน ที่สูบไม่ทุกวัน
รวมจำนวนเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน 332,500 คน สูบไม่ทุกวัน 587,500 คน หรือเกือบ 6 แสนคน
ตามหลักวิชาการ คนที่ต้องสูบบุหรี่มวน หรือบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน ส่วนใหญ่จะเกิดการเสพติดนิโคตินแล้ว แม้ระดับการเสพติดจะรุนแรงมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งผลการสำรวจพบว่ามีจำนวน 3 แสน 3 หมื่นกว่าคน
คนสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ต้องสูบทุกวัน การที่จะเลิกสูบ จะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฤทธิ์การเสพติดนิโคตินที่สูงมาก มีความเสี่ยงที่จะต้องสูบต่อไปตลอดชีวิต
แต่ในเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่ไม่สูบทุกวันอีก 5 แสน 8 หมื่นกว่าคน ส่วนใหญ่จะยังไม่เสพติดนิโคติน หรือติดน้อยมาก
การที่จะเลิกสูบมีความเป็นไปได้สูงมาก หากตั้งใจที่จะเลิก และสามารถเลิกได้ด้วยตัวเอง จากการให้กำลังใจสนับสนุนของคนใกล้ชิด
แต่หากยังคงสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ความเสี่ยงที่จะพัฒนาต่อไปจนเกิดการเสพติด ต้องสูบทุกวันมีสูงมาก
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบไม่ทุกวันนานเท่าไร จึงจะเกิดการเสพติดจนต้องสูบทุกวันและเลิกไม่ได้
อย่างบุหรี่มวนมีข้อมูลว่า เด็ก-วัยรุ่นที่ทดลองสูบบุหรี่ หากทดลองสูบถึง 100 มวนเมื่อไร ครึ่งหนึ่งจะเกิดการเสพติด-ต้องสูบทุกวัน
ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุน ให้กำลังใจแก่เยาวชนที่รู้จัก เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าเขาจะสูบแบบทุกวัน หรือไม่ทุกวัน
ซึ่งหากเขาเลิกสูบได้ จะเป็นการช่วยให้เขาไม่ต้องเสี่ยงที่จะเกิดการเสพติดนิโคติน ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคชนิดต่างๆจากการสูบบุหรี่
ในหลายๆคน นี่อาจจะเป็นการช่วยเขาจากการป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาเลยก็ว่าได้
ศ.นพ ประกิต วาทีสาธกกิจ 2 ตุลาคม 2568